สนามหญ้าสีเขียวภานในตัวบ้านจะช่วยสร้างบรรยากาศที่สดชื่น ร่มรื่น ผ่อนคลายให้กับผู้อยู่อาศัย ยิ่งหากสมาชิกในบ้านชอบทำกิจกรรมในสวน เช่น ปลูกต้นไม้ ออกกำลังกาย เลี้ยงสัตว์ วิ่งเล่น และอื่นๆ ก็จะยิ่งทำให้บ้านมีมุมทำกิจกรรม น่าอยู่มากขึ้น
สายพันธุ์หญ้าที่เหมาะกับการปลูกในสนามหญ้าหน้าบ้าน
1. หญ้านวลน้อย

หญ้านวลน้อย หรือ Manila Grass, Zoysia Grass มีลักษณะใบกว้างเขียวชอุ่มคลุมดินเต็มพื้นที่ เป็นหญ้าที่ทนต่อการเหยียบย่ำได้ดี เหมาะกับบ้านที่มีการทำกิจกรรมบนสนามหญ้าบ่อยๆ เช่น มีเด็กวิ่งเล่น ตั้งโต๊ะทานอาหารนอกบ้าน และข้อดีอีกข้อของหญ้าประเภทนี้คือทนต่อแดดจัด เหมาะกับสนามหญ้าที่ไม่มีตเงาของอาคารปกคลุม เพราะถึงจะโดนแดดร้อนเต็มๆก็ไม่เหลืองง่าย หญ้าพันธุ์นี้จะโตง่าย ดูแลรักษาง่าย ลำต้นไม่สูงจึงตัดแต่งง่าย เหมาะกับดินร่วน แต่สามารถปลูกได้ทั้งดินเหนียวจนถึงดินทราย
สรุปข้อดีข้อเสียของหญ้านวลน้อย
ข้อดี: คลุมดินได้ดี ทนต่อการเหยี่ยบย่ำ ทนแดด ไม่เหลืองง่าย ลำต้นไม่สูงตัดแต่งง่าย สมบุกสมบัน
ข้อเสีย: ต้องรดน้ำสม่ำเสมอ
2. หญ้ามาเลเซีย

หญ้ามาเลเซีย หรือ Malaysia Grass, Tropical Carpet Grass เป็นหญ้าที่ได้รับความนิยมในไทยมากที่สุดพันธุ์หนึ่ง เนื่องจากเหมาะกับสภาพอากาศแบบร้อนชื้น เหมาะกับดินที่มีความชื้นสูง ใบหนานุ่ม สัมผัสสบายเท้า เย็นสบาย แต่ใต้ใบอาจจะมีขนที่ระคายเคืองได้สำหรับผู้ที่แพ้ง่าย มีวัชพืชขึ้นแซมได้ยาก เหมาะกับจุดที่มีแดดรำไร ทั้งสนามหญ้าในบ้านและสวนผลไม้
สรุปข้อดีข้อเสียของหญ้ามาเลเซีย
ข้อดี: ใบหนานุ่ม สบายเท้า เดินแล้วเย็นสบาย วัชพืชขึ้นแซมยาก
ข้อเสีย: อาจจะเกิดความระคายเคืองกับผู้แพ้ง่าย ตัดยากหากปล่อยให้ยาว และไม่เหมาะกับสนามที่โดนแดดแรง
3. หญ้าญี่ปุ่น

หญ้าญี่ปุ่น หรือ Japanese Grass เป็นหญ้าพันธ์ุที่มีความแข็งแกร่ง หากปลูกติดแล้วรากจะแข็งแรงตายยากมาก และโตช้า จึงไม่จำเป็นต้องตัดแต่งบ่อย เหมาะกับการปลูกบนดินเหนียว มีสองสายพันธุ์ คือแบบใบแบน 4 มม. และแบบใบกลม ซึ่งแบบใบกลมจะนิยมปลูกในไทยมากกว่าเนื่องจากมีใบเล็กละเอียด ขอบใบเรียบไม่มีขน แต่ต้องทำการรดน้ำสม่ำเสมอ เพราะหากขาดน้ำ หญ้าจะใบเหลืองได้ และไม่ทนต่อการเหยียบย่ำ จึงเหมาะกับสวนหย่อมเพื่อความสวยงาม ไม่เหมาะกับกิจกรรมที่ต้องลงไปเดินบนสนามบ่อยๆ
สรุปข้อดีข้อเสียของหญ้าญี่ปุ่น
ข้อดี: มีความแข็งแรงทนทาน ตายยาก โตช้า ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งบ่อย
ข้อเสีย: ต้องรดน้ำสม่ำเสมอ หากขาดน้ำจะใบเหลือง ใบแข็งแรงจึงต้องใช้แรงในการตัดแต่งมากกว่าพันธุ์อื่น ไม่ทนต่อการเหยียบย่ำ