เมื่อเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือได้เปิดเส้นทางโดยสารฟรีเพิ่มเติมอีก 4 สถานี ได้แก่ สถานีกรมป่าไม้, สถานีบางบัว, สถานีกรมทหารราบที่11, และสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ สำหรับการกำหนดอัตราค่าโดยสาร อยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเบื้องต้นกำหนดเพดานค่าโดยสารตลอดสายไม่เกิน 65 บาท โดยจะประกาศล่วงหน้าก่อนเก็บค่าโดยสารจริง 3 เดือน คาดว่าอีก 7 สถานีตลอดสายจนถึงสถานีคูคต ได้แก่ สถานีพหลโยธิน 59, สถานีสายหยุด, สถานีสะพานใหม่, สถานีรพ.ภูมิพลอดุลยเดช, สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ, สถานีแยกคปอ. และสถานีคูคต จะสามารถเปิดบริการได้ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2563
สถานีรถไฟฟ้าสายเขียวเหนือ (North Green Line)
เมื่อเปิดเดินรถถึงสถานีคูคตซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ จะสามารถรองรับผู้โดยสารที่มาใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดเส้นทาง ตั้งแต่สถานีเคหะฯ ไปตามเส้นทางสายสุขุมวิทจนถึงสถานีคูคตมากกว่า 1,500,000 คนต่อวัน และสถานีคูคตยังเป็นสถานีรถไฟฟ้าแห่งแรกบนพื้นที่จังหวัดปทุมธานี โดยอยู่บนถนนลำลูกกา และมีอาคารจอดรถขนาดใหญ่ให้บริการติดกับสถานีด้วย จึงทำให้ผู้อยู่อาศัยจำนวนมากในย่านชานเมืองฝั่งอำเภอลำลูกกา สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ได้ง่ายกว่าปกติมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กรุงเทพฯ ได้เปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือช่วงสถานีห้าแยกลาดพร้าว-สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน มีประชาชนมาใช้บริการจำนวนมาก มีจำนวนผู้โดยสารในวันทำการเฉลี่ยอยู่ที่ 100,262 ต่อวัน และในขณะที่เปิดเส้นทางถึงสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ผู้โดยสารจะอยู่ที่ประมาณ 150,000 คนต่อวัน เนื่องจากมีทั้งสถานที่ราชการ สำนักงานเขต หน่วยงานทหาร สถานศึกษาหลายแห่ง โรงพยาบาลขนาดใหญ่ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของวัดพระศรีมหาธาตุฯ ซึ่งทำให้ประชาชนที่ต้องเดินทางในบริเวณนี้ได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น ช่วยลดปัญหาการจราจรและมลภาวะทางอากาศบนถนนพหลโยธิน และบริเวณวงเวียนหลักสี่ได้เป็นอย่างดี
เมื่อรถไฟฟ้าสายนี้สร้างเสร็จเราอาจจะได้เห็นถนนพหลโยธินและวิภาวดีรังสิตทั้งเส้นโล่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งประชาชนชาวปทุมธานีจะสามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯไม่เกิน 30 นาที จากเดิมที่ต้องเจอรถติดนานหลายชั่วโมง
แนวโน้มราคาที่ดินบริเวณสายสีเขียวเหนือปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต กลายเป็นแหล่งทำเลทองที่มาแรง ถือเป็นทำเลที่น่าจับตามองและมีแนวโน้มที่จะมีการแข่งขันสูง ราคาคอนโดมิเนียมปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการพัฒนาคอนโดมิเนียมในรัศมี 500 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าถึง 25 โครงการ จำนวน 10,800 หน่วย มูลค่ารวม 58,000 ล้านบาท ราคาประมาณ 50,000-180,000 บาท/ตารางเมตร เฉลี่ยอยู่ที่ 93,000 บาท/ตารางเมตร โดยมีอัตราขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7% ซึ่งสูงกว่าอัตราการขายเฉลี่ยของตลาดรวมทำเลรถไฟฟ้าสายอื่นที่อยู่ที่ 4-5% ทั้งนี้ บริเวณสถานีที่น่าจับตามองคือ เกษตร หลักสี่ สะพานใหม่ ซึ่งจะเป็นย่านใหม่ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน
ราคาที่ดินเปล่าแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีแนวโน้มราคาขึ้นมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ซึ่งเพิ่มเฉลี่ยปีละ 24.1% เมื่อพิจารณาเฉพาะทำเลที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่าน รถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นอันดับที่ 1 ที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาเพิ่มขึ้นสูงสุด เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว 4 สถานี โดยทำเลนี้มีอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาเพิ่มขึ้น 66% ซึ่งถือว่าบริเวณนี้มีการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินมากที่สุดต่อเนื่องหลายไตรมาสแล้ว
ราคาที่ดินในซอยโซนลำลูกกาคลอง 4 ราคาไร่ละ 5 ล้านบาท หากติดถนนใหญ่ไร่ละ 10 ล้านบาท สามารถพัฒนาทาวน์เฮาส์ 2 ล้านบาทและบ้านเดี่ยว 4-5 ล้านบาทได้ สำหรับทำเลตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ แยกมหาวิทยาลัยเกษตรฯ จะมีทั้งชุมชนขนาดใหญ่และสถาบันการศึกษา ราคาที่ดินปี 2563 อยู่ที่ 4 แสนบาทต่อตารางวา ปรับขึ้นมา 2 เท่าตัวจากราคาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ส่วนทำเลที่น่าจับตามากที่สุด นอกจากห้าแยกลาดพร้าวคงหนีไม่พ้นแยกรัชโยธิน ซึ่งเป็นย่านที่มีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นหนาแน่น รวมทั้งห้างเมเจอร์ ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ ซึ่งเมื่อมีรถไฟฟ้า 2 เส้นทางมาบรรจบกันกลายเป็นจุดตัด ยิ่งดันราคาที่ดินสูงขึ้นหลายเท่าตัว สูงถึง 1 ล้านบาทต่อตารางวา
แหล่งข้อมูล: ฐานเศรษฐกิจ