กู้ซื้อบ้าน ควรทำประกันหรือไม่

เมื่อคุณต้องดำเนินเรื่องขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารจะสนับสนุนให้ผู้กู้ทำประกันพ่วงกับการกู้บ้านไปด้วย คำถามคือ เราจำเป็นต้องทำประกันเมื่อกู้บ้านหรือไม่ ในบทความนี้จะแบ่งเป็น “ประกันที่ต้องทำ” และ “ประกันที่ควรทำ” โดยประกันทั้งสองแบบมีรายละเอียดดังนี้ 

ประกันที่ต้องทำ – ประกันอัคคีภัย

ประกันที่ทางธนาคารจะขอให้ผู้ขอสินเชื่อต้องทำคือ “ประกันอัคคีภัย” เนื่องจากธนาคารต้องนำบ้านมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืม ธนาคารจึงต้องให้ผู้กู้ทำประกันเพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดกับตัวบ้าน ซึ่งประกันนี้จะรวมถึงความคุ้มครองกรณีไฟไหม้ ฟ้าผ่า ภัยระเบิด ภัยจากการถูกชนโดยยานพาหนะหรืออากาศยาน หรือภัยเนื่องจากน้ำ และยังสามารถซื้อความคุ้มครองในส่วนภัยพิบัติ เช่น ภัยน้ำท่วม ลมพายุ และแผ่นดินไหว เพิ่มเติมได้อีกด้วย

โดยค่าเบื้ยประกันต่อปีจะคิดเป็นประมาณ 0.1% – 0.3% ของทุนเอาประกัน โดยสามารถจ่ายค่าเบี้ยเป็นแบบปีต่อปี หรือทุกๆ 2-3 ปี ซึ่งหากเลือกความคุ้มครองนาน จะมีค่าเบี้ยประกันที่ต่ำกว่า และค่าเบี้ยประกันอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะของสิ่งปลูกสร้าง โดยจะคิดจากมูลค่าของสิ่งปลูกสร้างไม่รวมที่ดิน

ประกันที่ควรทำ – ประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ MRTA (Mortgage Reducing Term Insurance)

ประกันที่ผู้ขอสินเชื่อควรพิจารณาทำ คือ “ประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ” หรือ MRTA โดยธนาคารจะไม่บังคับให้ทำ แต่จะเป็นการขอร้องให้ทำ หรือจูงใจให้ทำโดนยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าในด้านของดอกเบี้ยเงินกู้และวงเงินกู้เมื่อผู้ขอสินเชื่อทำประกันนี้พ่วงไปด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของธนาคารในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับผู้ขอสินเชื่อ

โดยประกันประเภทนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับประกันชีวิต แต่มีจุดประสงค์หลักในการชำระหนี้เงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัย โดยจะมีผู้รับผลประโยชน์หลักลำดับแรกคือธนาคารเจ้าหนี้ และเงินส่วนที่เหลือจากการชำระหนี้จะตกเป็นของทายาทโดยชอบธรรมหรือผู้รับผลประโยชน์ตามที่ระบุไว้

home loan approval guide ebook banner

ประโยชน์ของการประกัน MRTA มีดังนี้

1. สร้างความเชื่อมั่นให้กับธนาคารเจ้าหนี้

ในกรณีที่ผู้กู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพสิ้นเชิง ทางบริษัทประกันจะเป็นผู้ชำระหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยตามรายละเอียดที่ได้ทำประกันไว้แทนผู้กู้ จึงทำให้ธนาคารเจ้าหนี้เกิดความเชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ธนาคารจะได้รับการชำระหนี้จากกรมธรรม์นี้

2. ภาระการผ่อนบ้านจะไม่ตกเป็นของครอบครัวในภายหลัง

ครอบครัวของผู้กู้จะได้รับประโยชน์จากการประกันความเสี่ยงนี้เช่นกัน โดยหากมีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทางบริษัทประกันจะเป็นผู้ชำระหนี้บ้านให้ ทำให้ภาระการผ่อนบ้านไม่ตกเป็นของครอบครัว และไม่เกิดกรณีการถูกยึดบ้านหากครอบครัวไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้

3. ได้รับเงื่อนไขสินเชื่อที่ดีกว่าจากธนาคาร (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้และวงเงินกู้)

ธนาคารเจ้าหนี้จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงในด้านของความเสี่ยงหากผู้กู้ตัดสินใจทำประกันนี้ ธนาคารจึงต้องสร้างแรงจูงใจโดยการเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าหรือวงเงินการกู้ที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับผู้กู้ที่ไม่ทำประกัน

4. ค่าเบี้ยประกันนำมาลดหย่อนภาษีได้

กรณีที่ผู้กู้ชำระค่าเบี้ยประกันในครั้งเดียว สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท โดยสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ในปีที่ชำระเบี้ยประกัน (สำหรับประกันที่มีความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป)

สำหรับเบี้ยประกันที่ต้องชำระ จะขึ้นอยู่กับเพศและอายุของผู้ขอสินเชื่อ ทุนประกัน และระยะเวลาความคุ้มครอง โดยเพศหญิงที่อายุน้อยจะมีค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับผู้กู้เพศชายหรือผู้กู้ที่มีอายุมาก ค่าเบี้ยประกันมักจะจ่ายเป็นก้อนเดียวในตอนทำสัญญาขอสินเชื่อ หรือบางธนาคารอาจจะให้ผ่อนชำระค่าเบี้ยได้โดยคิดรวมไปกับวงเงินสินเชื่อ

ผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกตัดสินใจได้ว่าต้องการทำประกัน MRTA หรือไม่ โดยพิจารณาจากความเสี่ยงของตนเอง หากผู้กู้เป็นหัวหน้าครอบครัว รับภาระในการผ่อนสินเชื่อเพียงคนเดียว และครอบครัวมีรายได้น้อย ไม่มีเงินออมหรือเงินประกันชีวิตส่วนอื่นที่สามารถนำมาจ่ายชำระหนี้เงินกู้ได้กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ ก็ควรพิจารณาทำประกัน MRTA ควบคู่กับการขอสินเชื่อเพื่อไม่ให้ภาระตกเป็นของครอบครัวในภายหลัง แต่หากผู้กู้และครอบครัวมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ทั้งหมด มีเงินออม ทรัพย์สินและเงินประกันส่วนอื่นๆมากพออยู่แล้ว หรือวางแผนจะโปะและปิดสินเชื่อก้อนนี้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องทำประกันประเภทนี้ ซึ่งมีเบี้ยประกันค่อนข้างสูง

สรุป

การซื้อกรมธรรม์ประกันภัยและประกันชีวิตเป็นวิธีที่ช่วยให้เราลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ ทั้งผลกระทบกับตนเองและครอบครัว การตัดสินใจซื้อบ้านและขอวงเงินสินเชื่อ ผู้กู้จึงไม่ควรมองข้ามการทำประกันทั้งสองแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของผู้ขอสินเชื่อและความสามารถในการชำระหนี้ของครอบครัว

​​

Vijittra M.

Vijittra M.

Vijittra is an entrepreneur, a marketer and a content writer. Contributing to LandPro website's growth, she authors detailed guides that help people to understand about real estate tips in Thailand.

Vijittra has an MBA from Asian Institute of Technology and worked with Singapore based tech company, SEA Group prior to co-founding Nepal101, a boutique adventure company based in Bangkok.