การขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหรือการกู้ซื้อบ้านและคอนโดอาจจะดูเป็นเรื่องที่ยุ่งยากในมุมมองของคนส่วนใหญ่ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่ทุกคนคิด แค่เพียงเราต้องเตรียมความพร้อมทั้งในด้านเอกสารและสร้างประวัติทางการเงินที่ดี เพื่อให้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาจากธนาคารที่เราต้องการขอสินเชื่อ สำหรับมนุษย์เงินเดือนการยื่นเรื่องขอสินเชื่อจะง่ายและมีขั้นตอนการพิจารณาเอกสารน้อยกว่าผู้ที่ไม่ทำงานประจำ โดยทาง LandPro Thailand ได้สรุปวิธีเตรียมขอสินเชื่อให้ผ่านฉลุยมาดังนี้
1. ประเมินความสามารถในการขอสินเชื่อของตนเอง
หลักการประเมินความสามารถในการผ่อนสินเชื่อเบื้องต้น คือ “ค่างวดการผ่อนต่อเดือนต้องไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน” โดยหากคุณไม่มีภาระในการผ่อนหนี้อื่นๆในขณะนั้น คุณก็สามารถคำนวณค่าผ่อนบ้านได้สูงสุด 40% ของเงินเดือน เช่น เงินเดือน 35,000 บาท สามารถผ่อนบ้านได้สูงสุด 14,000 บาทต่อเดือน แต่หากคุณมีหนี้สินอื่นๆที่กำลังผ่อนอยู่ วงเงินที่สามารถกู้ได้ก็จะปรับลดลงมาตามการคำนวณจากเกณฑ์ของธนาคาร
2. เลือกราคาบ้านที่เหมาะสม
หลังจากประเมินความสามารถในการกู้ของตนเองแล้ว คุณต้องเลือกบ้านหรือคอนโดในราคาที่สอดคล้องกันเพื่อที่จะทำให้สามารถกู้ได้ 100% แต่หากคุณต้องการบ้านหรือคอนโดที่ราคาแพงกว่าความสามารถในการกู้ของคุณ ก็ยังสามารถยื่นกู้ได้โดยมีสองวิธี คือ หาผู้กู้ร่วมหรือเตรียมเงินดาวน์ไว้ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการลดวงเงินกู้ให้พอดีกับรายได้
3. สร้างประวัติการชำระหนี้ที่ดี
ในขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อทางธนาคารจะต้องตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรของคุณอย่างละเอียด หากคุณเคยมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ชำระหนี้ตรงเวลามาตลอด เช่นการจ่ายบัตรเครดิตเต็มวงเงินตรงเวลาทุกงวด จะเป็นข้อมูลที่ช่วยสนับสนุนให้คุณได้พิจารณาอนุมัติเงินกู้มากขึ้น เนื่องจากธนาคารมองว่าคุณเป็นผู้กู้ที่ดีมีคุณภาพ ในทางกลับกัน หากคุณเคยมีประวัติค้างชำระใดๆ (หนี้คงค้าง) เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้กู้รถยนต์ หรือหนี้สินจากการผ่อนบ้านหลังอื่น คุณควรดำเนินการเคลียร์หนี้สินทั้งหมดก่อนการยื่นขอสินเชื่อบ้านรอบใหม่ อย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้สามารถมีโอกาสผ่านพิจารณาอนุมัติเงินกู้ แต่ในกรณีเคยมีประวัติหนี้เสียเช่นนี้ การพิจารณาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้อนุมัติสินเชื่อ
4. สร้างประวัติทางการเงินที่ดี
นอกจากธนาคารจะตรวจสอบเครดิตบูโรแล้ว ธนาคารก็จะตรวจสอบรายการเดินบัญชีและประวัติการออมของคุณด้วย สำหรับข้อดีของการเป็นพนักงานประจำคือมีรายได้สม่ำเสมอเข้าบัญชี ตรวจสอบได้ง่าย ทางธนาคารมักจะขอตรวจสอบสเตทเมนท์ รายการเดินบัญชีจากบัญชีเงินเดือนเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน ซึ่งในช่วงระยะเวลานี้ ก่อนเตรียมการยื่นกู้ ผู้ขอสินเชื่อควรมีเงินติดบัญชีไว้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรถอนเงินเดือนออกหมดทันทีทุกครั้งที่เงินเดือนเข้า และจะยิ่งดีขึ้นไปอีกหากคุณสามารถแสดงเงินเก็บออมในบัญชี หรือทรัพย์สินอื่นๆเช่นบัญชีหุ้น โดยควรมีเงินออมหรือทรัพย์สินประมาณ 10%-20% ของวงเงินกู้ที่คุณยื่นขอ เพื่อให้ธนาคารมั่นใจว่าคุณมีวินัยทางการเงินและมีความสามารถในการผ่อนชำระ
5. หลีกเลี่ยงการผ่อนชำระอื่นๆก่อนยื่นขอสินเชื่อ
คุณควรหลีกเลี่ยงการผ่อนชำระทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นผ่อนสินค้าหรือกู้ยืมอื่นๆ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนก่อนการยื่นกู้ เพื่อที่จะไม่เป็นการกระทบวงเงินกู้ที่คุณขออนุมัติ หากคุณเผลอทำรายการผ่อนชำระในช่วงก่อนการยื่นกู้ อาจจะส่งผลกระทบทำให้คุณไม่ได้วงเงินตามเป้าหมาย
6. เปรียบเทียบเงื่อนไขการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
คุณสามารถยื่นขอสินเชื่อจากหลายธนาคารพร้อมกันได้ และหากคุณมีประวัติทางการเงินที่ดี คุณยังสามารถขอต่อรองอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย คุณควรศึกษาเงื่อนไขสินเชื่อบ้านของหลายธนาคารเพื่อนำมาเปรียบเทียบกัน โดยสามารถนำเงื่อนไขของอีกธนาคารหนึ่งมาต่อรองกับธนาคารที่คุณต้องการขอสินเชื่อ เพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีที่สุดอีกด้วย และการศึกษารายละเอียดการขอสินเชื่ออย่างละเอียดล่วงหน้าก็จะทำให้คุณทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อให้เตรียมพร้อมในการยื่นขอสินเชื่อได้อย่างราบรื่น
7. เตรียมเอกสารให้พร้อม
ธนาคารจะพิจารณาสินเชื่อจากเอกสารที่คุณยื่นเพื่อขอพิจารณา ขั้นตอนการเตรียมเอกสารจึงสำคัญมาก เพราะเอกสารจะสื่อให้เห็นความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้ เอกสารสำคัญพื้นฐานที่ทางสถาบันการเงินมักจะขอเพื่อใช้ในการพิจารณา คือ เอกสารส่วนตัว เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารการเปลี่ยนชื่อหรือสมรส (ถ้ามี) และเอกสารทางการเงิน เช่น สลิปเงินเดือน รายการเดินบัญชีย้อนหลัง หลักฐานเงินออมและทรัพย์สินอื่นๆ หากคุณเตรียมเอกสารทุกอย่างพร้อมในวันยื่นกู้ ทางธนาคารจะสามารถดำเนินการพิจารณาการขอสินเชื่อได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
การซื้อที่อยู่อาศัย ถือว่าเป็นหนึ่งในเงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของคุณ การขอสินเชื่อบ้านจะทำให้คุณสามารถทำตามความฝันในการมีบ้านได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น คุณควรตัดสินใจอย่างรอบคอบตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกบ้าน ไปจนถึงการยื่นขอสินเชื่อ เนื่องจากการผ่อนชำระสินเชื่อบ้านเป็นการสร้างหนี้ในระยะยาว 15-30 ปี และเมื่อขอสินเชื่อได้แล้วลองมาดูเทคนิค 7 วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถผ่อนบ้านหมดได้เร็วขึ้น